เปรียบเทียบ จีพีเอสติดตาม ภาค 2

บทความโดย จีพีเอส แผนที่ไทย.คอม
GPS ติดตามรถยนต์ รุ่น MVT-340 กับ MVT-380

“จีพีเอส 2 รุ่นนี้ มันต่างกันตรงไหน? “
เป็นคำถามที่พบบ่อย สำหรับรุ่น MVT-340 กับ MVT-380
ซี่งทั้งสองรุ่นนี้ เป็นจีพีเอสติดตามรุ่นที่นิยมใช้กันแพร่หลาย และมีจำหน่ายกันในเมืองไทย สำหรับผู้จำหน่ายเครื่อง หรือผู้ที่มีข้อมูลทางด้านเทคนิค (Technical Specification) ของเครื่อง เมื่อศีกษาแล้ว คงเข้าใจได้ไม่ยากถึงความแตกต่าง

จีพีเอสทั้ง 2 รุ่นนี้ ได้มาตรฐาน CE, FCC ผลิตโดยโรงงานในประเทศจีน ที่ชื่อ Meitrack ซึ่งเป็นโรงงาน OEM ให้กับหลายผลิตภัณฑ์ทั้งในไต้หวัน และในต่างประเทศ
ปัจจุบัน (ปี พ.ศ. 2555) ยังไม่พบโรงงานลอกเลียนแบบ ดังเช่น รุ่น VT-310, TK-102, TK-103 หรือ GT-60 เป็นต้น

บทความ การเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์นี้ ขอนำเสนอความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้ สองด้าน คือ ด้านรูปลักษณ์ภายนอก และด้านคุณสมบัติของเครื่อง

MVT-340 v.s. MVT-380 (Top view)

รูปที่ 1 ด้านบน ของเครื่อง MVT-340 กับ MVT-380

เริ่มต้นที่ ด้านรูปลักษณ์ภายนอก หากสังเกตุจาก รูปที่ 1 ด้านบน และ รูปที่ 2 ด้านหน้า ของเครื่องที่ปรากฏจะเห็นว่าไม่มีความแตกต่างกัน แต่เมื่อสังเกตุใน รูปที่ 3 ด้านหลัง จึงจะพบถึงความแต่งต่าง นั้นก็คือ
1. รุ่น MVT-380 มีช่องต่อสัญญาณ Input/ Output ที่มากกว่า MVT-340
2. รุ่น MVT-380 มีช่องต่อไมค์และลำโพง เพื่อใช้ในการสื่อสาร แบบ 2 ทิศทาง แต่ MVT-340 ไม่มี
3. ทั้ง 2 รุ่นมี Mini USB port สำหรับการตั้งค่าเหมือนกัน

MVT-340 v.s. MVT-380 (Front view)

รูปที่ 2 ด้านหน้าของเครื่อง รุ่น MVT-340 กับ MVT-380

จากรูปลักษณ์ภายนอกที่เห็น ทำให้เราพอจะเดาได้ว่า จีพีเอสทั้ง 2 รุ่นนี้ ต้องมีความแตกต่างกันในทางคุณสมบัติและการใช้งานแน่นอน

MVT-340 v.s. MVT-380 (Back view)

รูปที่ 3 ด้านหลัง ของเครื่องรุ่น MVT-340 กับ MVT-380

ดูจากช่องต่อสัญญาณ Input/ Output ที่ต่างกัน ทำให้ รุ่น MVT-380 สามารถต่อสายสัญญาณเพื่อวัด หรือตรวจสอบสถานะต่างๆ ของรถยนต์ได้มากกว่า โดยมีทั้งหมด 5 Inputs (Digital) และ 2 Inputs (Analog) จึงเหมาะกับการวัดสถานะของรถ เช่น การสตาร์ทเครื่องยนต์ การเปิดแอร์ การวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ระดับแก๊ส NGV/LPG เป็นต้น
ส่วนในรุ่น MVT-340 ถึงแม้จะมี Input/ Output ที่น้อยกว่า แต่ก็อาจจะเพียงพอกับการใช้งานกับรถบางประเภท เช่น รถแท็กซี่ รถส่วนบุคคล เป็นต้น

ด้านความแต่งต่างทางคุณสมบัติของเครื่อง แบ่งย่อย เป็น 2 ส่วนหลัก ดังนี้
รุ่น MVT-380 มีหน่วยความจำภายในเครื่อง ทำให้สามารถจดจำตำแหน่ง และสถานะต่างๆ ของรถได้ แม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรือ GSM และสามารถส่งข้อมูลต่างๆ ไปยังเครื่อง server เมื่อเครื่องสามารถเชื่อมต่อสัญญาณได้ ข้อดีของจุดนี้ คือ ทำให้เจ้าของรถที่ติดตั้งรุ่นนี้ใช้งาน ไม่สูญเสียข้อมูล เมื่อรถไปอยู่ยังตำแหน่งที่อับสัญญาณโทรศัพท์
*** เนื่องจากทั้ง 2 รุ่นมีสายสัญญาณ Output จึงสามารถประยุกต์ใช้ สั่งดับเครื่องยนต์ ได้ทั้งคู่ ***

-รุ่น MVT-380 มีสายสัญญาณ Input/ Output ที่มากกว่า รุ่น MVT-340 ดังได้กล่าวมา ทำให้การนำไปประยุกต์ใช้งานได้กว้างขวางกว่า

จากความแตกต่างข้างต้น ก็ทำให้จีพีเอสทั้ง 2 รุ่น ถูกใช้งานได้แตกต่างกันไป และในส่วนราคาก็ต่างไปด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การเลือกใช้งานจริงกับรถยนต์ของท่าน ไม่ว่าจะเป็นรถส่วนตัว รถบริษัท รถขนส่ง จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาด้านคุณสมบัติของเครื่องเป็นสำคัญ เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลาในการดำเนินการ และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเกินจำเป็น

แล้วคอยพบกับการผ่าเครื่องจีพีเอสแต่ละรุ่น ซึ่งจะมีทั้งเครื่องจากโรงงานในจีนและยุโรปมาฝาก ในบทความหน้าครับ

“วันนี้ท่านติดจีพีเอสรุ่นไหนอยู่? แล้วท่านใช้จ่ายในราคาที่สูงเกินไปหรือไม่? “

Download:
MVT-340 user guide.pdf
MVT-380 user guide.pdf

กรณีศึกษา: ระบบจีพีเอส กับ รถบริการ รับ-ส่ง พนักงาน

กรณีศึกษา: ระบบจีพีเอส กับ รถบริการ รับ-ส่ง พนักงาน
บทความโดย จีพีเอส แผนที่ไทย.คอม
Bus
การประยุกต์การใช้งานเครื่องจีพีเอสติดตามรถ (Vehicle GPS Tracker) และเครื่องแสดงความเร็ว (Speed Monitor) กับรถบริการสำหรับ รับ-ส่งพนักงาน ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ และนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด

หลักการและเหตุผล
ในปัจจุบัน รถบริการ รับ-ส่งพนักงานมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีให้บริการทั้งบริษัทเอกชน หน่วยงานรัฐ และโรงงานต่างๆ โดยเฉพาะโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรม

เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน และประชาชนผู้ใช้ถนนทั่วไป รถบริการรับ-ส่ง จำเป็นต้องมีผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์ มีความชำนาญ มีความพร้อมในการขับขี่และมีความรับผิดชอบสูง เพราะเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ในส่วนของสภาพความพร้อมของรถบริการ ก็มีความจำเป็นไม่ต่างกัน

ความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการขับรถโดยประมาท และปราศจากความรับผิดชอบของผู้ขับขี่ คือ การเสียเวลาจากอุบัติเหตุ ความเสียหายของรถบริการ ความสึกหรอของเครื่องยนต์ การสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงต้นทุนการบำรุงรักษาเครื่อง ยาง ช่วงล่าง เป็นต้น และที่สำคัญหากอุบัติเหตุมีความรุนแรง อาจจะก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินได้

การติดตั้งจีพีเอสติดตามรถ (Vehicle GPS Tracker) และเครื่องแสดงความเร็ว (Speed Monitor) เป็นการควบคุมความเร็วของรถ และพฤติกรรมของผู้ขับขี่ได้ทางหนึ่ง เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุและความสูญเสียดังกล่าว โดยความเร็วจำกัดอยู่ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง

คุณสมบัติเบื้องต้นของอุปกรณ์
o เครื่องจีพีเอสติดตามรถ (Vehicle GPS Tracker)
MVT-380 เป็นเครื่องจีพีเอสติดตามรถ ที่ถูกเลือกใช้ในโครงการนี้ ซึ่งมีคุณสมบัติหลัก คือ สามารถบอกตำแหน่ง ความเร็ว และส่งข้อมูลดังกล่าวผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ (GPRS) ไปยังเครื่องแม่ข่าย (File server) ในการเก็บข้อมูล และแสดงผล
สามารถส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น เช่น เครื่องแสดงความเร็ว ได้ด้วยเช่นกัน
o เครื่องแสดงความเร็ว (Speed Monitor)
เป็น อุปกรณ์แสดงความเร็ว รูปแบบตัวเลข 3 หลัก ใช้แสดงผลความเร็วที่ได้จากการคำนวณของดาวเทียม ผ่านเครื่องจีพีเอสติดตามรถ พร้อมอุปกรณ์เสียงและไฟแสดงผลเมื่อความเร็วเกินกำหนด ทำให้คนขับทราบว่าความเร็วจะเกินกำหนดแล้ว ในโครงการนี้กำหนดความเร็วในเครื่องแสดงความเร็วที่ 75 กม./ชม. เพื่อไม่ให้ความเร็วเกินกำหนดที่ 80 กม./ชม.

วิธีการและการดำเนินการ
o แผนภาพแสดงการต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน
MVt-380 gps tracker and AGT Speed monitor

o การติดตั้ง
รถที่ถูกติดตั้ง เป็นรถบัส VIP สำหรับรับ-ส่งพนักงาน ขนาด 45 ที่นั่ง มีระบบไฟฟ้าแบบ 24 โวลท์

ช่าง ติดตั้งทำการติดตั้งและต่อสายไฟต่างๆ ตามแผนภาพข้างต้น โดยทำการติดตั้งเครื่องจีพีเอสก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงทำการติดตั้งเครื่องแสดงผล ในส่วนของภาคจ่ายไฟ จะทำการติดตั้งเป็นอุปกรณ์สุดท้าย และสิ่งสำคัญในการติดตั้งอุปกรณ์ในรถยนต์ประเภทนี้ คือ ฟิวส์ เพื่อป้องกันกระแสเกินที่อาจเกิดขึ้นได้ ไปทำอันตรายกับเครื่องจีพีเอสและอุปกรณ์ต่อพ่วง

o การทดสอบและประเมินผล
นำ รถที่ถูกติดตั้ง ไปทดสอบโดยการให้คนขับ ขับขี่ที่ความเร็วเกินกำหนด คือ 80 กม./ชม. พบว่าเมื่อความเร็วของรถที่ปรากฏ ณ เครื่องแสดงผล (Speed Monitor) แสดงเลข 75 หรือมากกว่า ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นจากอุปกรณ์ต่อพ่วง (Buzzer) และหลอดไฟ LED สีแดงติดขึ้น
ผล จากเสียงที่ดัง และไฟ LED ติด ทำให้ผู้ขับขี่ถอนคันเร่ง ความเร็วลดลง และเมื่อความเร็วลดลงต่ำกว่า 75 กม./ชม. (สังเกตจากตัวเลขบนเครื่องแสดงผล) พบว่าเสียงและไฟ LED หยุด/ดับ ลง

ข้อสังเกตุ
จาก การทดสอบ ขณะที่ขับรถทดสอบ พบว่าเรือนไมล์ของรถคันที่ถูกติดตั้ง แสดงผลไม่ตรงกับเครื่องแสดงผล โดยมีการแสดงความเร็วที่น้อยกว่าความเป็นจริง เช่น แสดงความเร็วที่ 55 กม./ชม. ในขณะที่ความเร็วจากเครื่องแสดงผลอยู่ที่ 70กม./ชม. ทางทีมงานจึงได้นำรถยนต์ส่วนบุคคลทำการวิ่งเปรียบเทียบ ซึ่งได้ความเร็วของรถยนต์ส่วนบุคคลที่ใกล้เคียงกับเครื่องแสดงผล
อาการที่ปรากฏข้างต้น ถูกเรียกโดยทั่วไปว่า อาการ “ไมล์แข็ง” อันมีสาเหตุหลายประการ เช่น ขนาดของล้อและยาง การประกอบรถ ซึ่งรถบัสส่วนใหญ่เป็นรถประกอบในประเทศ ใช้เครื่องยนต์และเรือนไมล์ต่างรุ่นกัน จากเหตุการณ์นี้ ทำให้เราทราบว่าไมล์ของรถบัสหรือรถบรรทุกส่วนใหญ่ไม่มีความเที่ยงตรง ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุหากคนขับดูความเร็วจากไมล์รถที่เป็น “ไมล์แข็ง”

ประโยชน์ที่ได้รับ
o เจ้าของ – บริษัทรถบริการ
-สามารถควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ของคนขับรถ ผ่านทางโปรแกรมและแสดงผลในตัวรถบริการ
-ทำให้ทราบถึงการใช้เส้นทางของคนขับ เช่น ขับใช้เส้นทางที่กำหนดหรือไม่ ขับรถในเส้นทางอันตรายที่ไม่มีไหล่ทาง หรือขับออกนอกบริเวณที่กำหนด เป็นต้น
-สามารถทราบถึง การจอด/หยุดรถ ในการรับ-ส่ง ในแต่ละวัน หรือดูย้อนหลัง ในวันที่มีปัญหาได้ เช่น กรณีคนขับจอดไม่ตรงจุด หรือออกก่อนเวลารับ-ส่ง เป็นต้น
-ลดการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานต่อคันสูง ไม่เสียเวลาการซ่อมแซม
-เมื่อเกิดอุบัติเหตุ สามารถทราบสถานที่เกิดเหตุได้ทันที ทำให้ส่งรถสำรอง หรือเดินทางไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที
-ประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับรถบริการ เช่น ค่าซ่อมบำรุง เครื่อง ยาง ช่วงล่าง เป็นต้น
-แสดงถึงความเอาใจใส่ในความปลอดภัย ต่อลูกค้า ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร ลูกค้าพึงพอใจในการให้บริการ เพิ่มโอการในการได้งานและการต่อสัญญาบริการ

o ลูกค้า – โรงงานผู้ใช้บริการ
-ทราบถึงพฤติกรรมการขับขี่ของรถบริการ กรณีบริษัทรถบริการอนุญาตให้ใช้โปรแกรมควบคุม
-สามารถทราบถึง การจอด/หยุดรถ ในการรับ-ส่ง ในแต่ละวัน หรือดูย้อนหลัง ในวันที่มีปัญหาได้ เช่น กรณีคนขับจอดไม่ตรงจุด หรือออกก่อนเวลารับ-ส่ง เป็นต้น
-เพิ่มความปลอดภัย เพิ่มสวัสดิภาพแก่พนักงาน และลดอุบัติเหตุจากการรับ-ส่ง พนักงาน
-เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การผลิต อันเกิดจาก รับ-ส่ง พนักงานตรงเวลา ปราศจากอุบัติเหตุ
-สามารถวางแผนเส้นทาง กำหนดเส้นทาง บริการรับ-ส่ง พนักงาน ในแต่ละสายได้
-ข้อมูลต่างๆ สามารถส่งออกในรูปแบบไฟล์ MS-Excel เพื่อนำไปใช้ต่อไปได้

จาก กรณีศึกษาข้างต้น จีพีเอสติดตามรถ (Vehicle GPS Tracker) ยังสามารถประยุกต์ได้ในรูปแบบอื่น เพื่อธุรกิจต่างๆ อีกมาก เช่น รถขนส่งสินค้า รถเช่า รถในพื้นที่จำกัดความเร็ว รถยนต์ส่วนบุคคล เมื่อมีการใช้งานร่วมกับโปรแกรมจีพีเอสจัดการรถ (GPS Tracking Software) แล้ว จะได้ประโยชน์เพิ่มเติมและประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าการใช้เพียงเครื่องติดตาม แบบเดียว (Stand Alone) เท่านั้น ซึ่งจะได้มีการนำเสนอต่อไป

วิทยา พันธ์เมือง
โทร. 081-932-3520
จีพีเอส โดย แผนที่ไทย.คอม
24 มิ.ย. 54

เปรียบเทียบ จีพีเอสติดตาม แต่ละรุ่น ภาค 1

เปรียบเทียบขนาด จีพีเอสติดตาม แต่ละรุ่น ภาค 1

จากรูปภาพ ประกอบไปด้วยจีพีเอสติดตาม รุ่นต่างๆ ดังนี้ โดยเริ่มจากซ้ายไปขวา
PMT-80, PTK-102, PGT-30/PGT-30X, PGT-60, PTK-402 และ PVT-310

เปรียบเทียบ จีพีเอสติดตาม แต่ละรุ่น

จากรูป มีเพียงรุ่นเดียวที่ใช้สำหรับรถยนต์ คือ รุ่น PVT-310 (ตัวสีฟ้า)
ส่วนรุ่นที่นิยมใช้งานกันมากคือ PTK-102 บางโรงงานเรียกว่า TK-102 ซึ่งมีทั้งเครื่อง Original และเครื่อง Copy จากโรงงาน
*** ข้อสังเกตุของเครื่อง Copy คือ เมื่อใส่แบตเตอรี่แล้วจะปิดฝาเครื่องได้ไม่สนิท ***

ส่วนอีกรุ่นที่มีคุณภาพแต่ราคาแพง คือ PGT-60 หรือ GT-60 โดยรุ่นนี้จะมี Protocol การส่ง-รับ ข้อมูลที่มีมาตรฐานของ GPS Gate ให้เลือกใช้งานด้วย จะใช้แบบ SMS หรือ Real-time tracking ก็ได้ และข้อดีของรุ่นนี้คือ แบตเตอรี่ สามารถใช้งานกับแบตฯรุ่นเดียวกับโทรศัพท์ Nokia 3310 เรียกแบตฯ รุ่นนี้ว่า BL-5CA ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านขายโทรศัพท์ทั่วไป และมีขนาดความจุไฟ มากถึง 1,200mAh น่าใช้กับงานที่ต้องการเวลา standby นานๆ จ้า